ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรื่องที่แนะนำ

ชวนชิม COCO CAFE'

ชวนชิม COCO CAFE' สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน หากว่าท่านมีโอกาศได้ไปกราบไหว้พระ แถวๆวัดท่ากระบือ อำเภอกระทุ่มแบนแล้วละก็ วันนี้ผมมีร้านกาแฟที่มีบรรยากาศที่ดีมากๆ ร้านหนึ่งมาฝากทุกท่านครับ  ร้านนี้มี พิกัด 89/1 หมู่5 ตำบลบางยาง, อำเภอกระทุ่มแบน, สมุทรสาคร ละติจูดลองติจูดให้ด้วยครับ  13.6646818,100.222836 คัดลอกไปวางกูเกลเมพได้เลยครับผม หากวิ่งอยู่ถนนเส้นเศรษฐกิจ มาจากตลาดกระทุ่มแบน เลี้ยวซ้ายเข้าซอยวิรุณฯ คับ เข้ามาลึกพอสมควรคับ เอาง่ายๆคือก่อนถึงวัดท่ากระบือ หน่อยเดียวคับ หน้าร้านนี้มองด้านนอกอาจเหมือนไม่มีอะไรคับ ของดีเข้าอยู่ด้านหลังร้านครับ อยู่ในสวนมะพร้าวโน้นเลยครับ หน้าร้านมองผิวเผน เหมือนเป็นร้านธรรมดาไม่มีอะไรจริง มองตอนขับผ่านตอนแรกคิดว่าไม่มีอะไรคับ จนไปหาร้านก๋วยเตี๋ยวข้างวัด แต่ว่าร้านเขาปิด ก็เลยถามลุงแถวนั้นบอกให้ลองมาชิมอาหารร้านนี้ดูครับ ก็เลยลองแวะดู เดินเข้าไปก็ยังมองไม่เห็นอะไรคับ จนเจ้าหน้าที่เดินมาบอกให้เดินไปหาที่ได้ด้านหลังก็มีคับ ช่วงที่ผมกับครอบครัวไปคือยังถือว่าเป็นช่วงสายๆ อยู่คนเข้าร้านยังน้อยอยู่ครับ ยังพอมีที่ให้เราเลือกนั่งเยอะเลยครับ เราพาก...

วัดพรหมจารีราม กับโบสถ์มหาอุตม์


สวัสดีสมาชิกชาว steemit ทุกท่าน

          วันนี้ขอเข้าร่วมกิจกรรม การประกวด ภาพถ่ายสถาปัตยกรรม ของทาง @thaiteam อีกวันครับก็หนีไม่พ้นแนววัดวาอารามอีกหละครับ วัดแรกที่ส่งเป็นวัดแถวบ้านเกิด รอบนี้เป็นวัดแถวๆบ้านที่ผมอยู่ปัจจุบันครับ ต้องยอมรับนะคับว่า วัดแต่ละที่ ไม่ว่าจะที่ไหน แม้แต่วัดในชุมชนเล็กๆ ก็ต้องอยากให้วัดซึ่งเป็นสถานที่ ที่ยึดเนี่ยวจิตใจของเขาดูดีและสวยงามที่สุดเท่าที่จะทำกันได้ ก็จะให้ช่างสร้างสถาปัตยกรรมที่สวยงามตามกำลังทรัพย์ของแต่ละชุมชน หรือแต่ละเมืองครับ



วัดนางสาว หรือวัดพรหมจารีราม
          ความเป็นมาของวัดนางสาวนี้เกิดขึ้นมาพร้อมกับตำบลท่าไม้ ตำบลท่าไม้เป็นตำบลเก่ามีความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ตำบล ท่าไม้ เป็นตำบลหนึ่ง ในเขตเมืองสาครบุรี นั้นก็คือ จังหวัดสมุทรสาครในปัจจุบัน เขาว่าไว้ช่วงสมัยกรุงศรีฯ ได้มีชาวไทยกลุ่มหนึ่งอพยพหนีภัยสงครามมาถึงวัดร้างที่ริมแม่น้ำ คือแม่น้ำท่าจีนใน ปัจจุบัน บังเอิญมีทหารลาดตระเวนของพม่าผ่านมา จึงเกิดการสู้รบกันขึ้น พวกผู้ชายก็ต่างร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้ ส่วนเด็ก หญิง คนชรา พากันหาที่หลบซ่อน ในบริเวณนั้นปรากฏว่ามีโบสถ์เก่าๆ อยู่หลังหนึ่ง จึงได้วิ่งเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ และในจำนวนนั้นมีหญิงสาว 2 คน มีความกลัวมาก จนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ให้ตัวเองพ้นภัยในครั้งนี้ ทั้ง 2 สาวพี่น้องจึงพากันตั้งจิตอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ สถานที่นั้นว่า ถ้ารอด พ้นภัยอันตรายคราวนี้ได้ จะช่วยกันบูรณะซ่อมแซมโบสถ์หลังนี้ให้ดีขึ้นพร้อมกับจะสร้างวัดขึ้นใหม่ให้ด้วย


         เหมือนมีปาฏิหาริย์ พอสิ้นคำอธิษฐานเท่านั้น เสียงของการต่อสู้ก็ได้ยุติลง จึงได้พากันออกมาจากที่หลบซ่อน ต่อมาได้สร้างบ้านเรือน อาศัยอยู่ที่บริเวณนั้น เมื่อหญิงสาวทั้งสองได้ทำมาหากินจนมีหลักฐานมั่นคงแล้ว หญิงสาวผู้น้องจึงคิด ที่จะทำตามคำอธิษ-ฐานไว้คือ จะบูรณะซ่อมแซมโบสถ์เก่าที่เคยเข้าไปหลบภัยแต่คราวก่อน แต่หญิงสาวผู้พี่คัดค้านว่า โบสถ์หลังเก่านั้นเก่าแก่และชำรุดทรุดโทรมมาก คงจะบูรณะซ่อมแซมยาก ควรจะหาที่ใหม่ทำการ ก่อสร้างโบสถ์และวัดขึ้นใหม่จะดีกว่า แต่น้องสาวยังคงยืนยันที่จะบูรณะซ่อมแซมโบสถ์เก่าเหมือนเดิม เมื่อพี่น้องทั้งสองมีความเห็นแตกต่างกัน จึงเป็นอันว่าโบสถ์หลังเก่านั้นคงสภาพทรุดโทรมอย่างเดิมมิได้บูรณะ ซ่อมแซม


          ต่อมาหญิงสาวผู้พี่ได้แต่งงานกับเศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งในละแวกนั้น และได้ย้ายไปอยู่บ้านสามีไปประกอบอาชีพในหมู่บ้านที่อยู่เหนือขึ้นไปเล็กน้อย และทั้งสองสามีภรรยาก็ได้สร้างวัดขึ้นมาวัดหนึ่งให้ชื่อว่า วัดกกเตย ซึ่งปัจจุบันไม่มีแล้ว เพราะว่าถูกกระแสน้ำพัดจนที่ดินที่สร้างวัดนั้นพังลงไปในแม่น้ำหมด  ฝ่ายหญิงสาวผู้น้องยังคงครองตัวเป็นโสดตลอดมาและได้ตั้งสัตยาธิษฐานว่าจะไม่ยอมแต่งงาน จนกว่าจะได้บูรณะซ่อมแซมโบสถ์หลังเก่านี้ จนสำเร็จเรียบร้อยพร้อมกับสร้างวัดขึ้นมาใหม่ให้ได้ จากนั้นหญิงสาวผู้น้องก็ได้ดำเนินการบูรณะซ่อมแซมโบสถ์และสร้างวัดขึ้นมาจนสำเร็จ ชาวบ้าน จึงพร้อมใจกันให้ชื่อวัดว่า "วัดพรหมจารีราม" เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่หญิงสาวผู้น้อง แต่คนส่วนใหญ่มักนิยมเรียกกันว่า "วัดน้องสาว" ต่อมาคำที่เรียกว่า วัดน้องสาวได้กลายเป็น "วัดนางสาว" จนกระทั่งปัจจุบัน


 โบสถ์มหาอุตม์
         โบสถ์โบราณที่วัดนางสาวมีสถาปัตยกรรม ที่มีลักษณะแปลกกว่าโบสถ์อื่นๆ คือ เป็นโบสถ์มหาอุตม์ มีประตูเข้า-ออกเพียงประตูเดียว ไม่มีหน้าต่าง หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา พัทธสีมาเป็นสองชั้น ไม่ปรากฏว่าได้ก่อสร้างขึ้นมาสมัยใด แต่สันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นมาในสมัย กรุงศรีอยุธยาตอนต้นโบสถ์มหาอุตม์ เป็นโบสถ์เก่าแก่ตั้งสมัยอยุธยาต้อนต้น ที่มีอายุมากว่า ๔๐๐ ปี นับเป็นโบสถ์ที่มีเหลือให้เห็นอยู่เพียงไม่กี่แห่ง ในประเทศไทย และโบสถ์มหาอุตม์ที่วัดนางสาวแห่งนี้ยังมีความสมบูรณ์ที่สุดอีกด้วย

          ในโบสถ์มหาอุตม์ ยังมีพระประธานคือ "หลวงพ่อมหาอุตม์" ประดิษฐานอยู่คู่กับโบสถ์มหาอุตม์มาโดยตลอด ลักษณะของโบสถ์ถูกสร้าง ขึ้นมาอย่างง่ายๆ มีประตูทางเข้าออกประตูเดียว ไม่มีหน้าต่าง แต่ไม่ก่อให้เกิดความร้อน อับ หรือมืดแต่อย่างใด ยังคงได้รับแสงสว่างจากแสงสะท้อน ของพระอาทิตย์ เมื่อกระทบกับผิวน้ำผ่านเข้ามาทางประตูโบสถ์ และยังมีแสงสว่างผ่านเล็ดลอดลงมาจากช่องระหว่างกระเบื้องของหลังคาโบสถ์ ทั้งหมดที่ กล่าวมานี้เป็นผลงานจากฝีมือและมันสมองของช่างไทยในสมัยโบราณทั้งสิ้น


       
         นอกจากโบสถ์มหาอุตม์ที่ความเก่าแก่แล้ว ยังมี "หลวงพ่อดำ" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ศูนย์ยึดเนี่ยวจิตใจของชาวบ้านในละแวกนั้น ซึ่งมีชาวบ้านมากราบไหว้ขอพรและบนบานอยู่ทุกวัน ซึ่งชาวบ้านเหล่านี้เชื่อถือและศรัทธาต่อหลวงพ่อดำ จนได้มีการร่วมทำบุญสร้างวิหาร เพื่อประดิษฐานหลวงพ่อดำอย่างที่อยู่ในปัจจุบันคู่กับวิหาร "หลวงพ่อป่าเลไลย์" อีกด้วย
       
         เพื่อนๆชาว steemit ท่านใดผ่านมาแถวกระทุ่มแบน แวะเที่ยวที่ วัดนางสาว ขอพร "หลวงพ่อมหาอุตม์" กับ "หลวงพ่อดำ" ได้นะครับ


ขอบคุณทุกๆคะแนนโหวต และกดติดตาม สวัสดีครับ
โชคดีมีตังใช้ กล/@kolkamkwan 🙏 26-05-2018


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม